ประวัติป๊อปคอร์น
ประวัติยุคต้นๆของป๊อปคอร์น ในคัมภีร์ไบเบิล ที่มีกล่าวถึง “ข้าวโพด” ที่เก็บไว้ในบรรดาพีระมิดที่อิยิปต์นั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด “ข้าวโพด” จากไบเบิลนั้นอาจจะเป็นข้าวบาเลย์ ข้อผิดพลาดมาจากการเปลี่ยนแปลงคำเรียก “ข้าวโพด(corn)” ซึ่งใช้เรียดเมล็ดพืชที่ใช้งานกันมากที่สุดในสถานที่หนึ่งๆ ในอังกฤษ “ข้าวโพด” หมายถึงข้าวสาลี และในสกอตแลนต์ และไอร์แลนด์หมายถึงข้าวโอ๊ต เนื่องจากคำว่าเมซ(maize) เป็นคำเรียกสามัญแบบอเมริกันของคำว่าข้าวโพด(corn) มันจึงใช้คำนั้นเรียกเป็นชื่อมาถึงปัจจุบัน
มีความเชื่อกันว่าวิธีการใช้งานของข้าวโพดป่า และข้าวโพดที่ได้รับการเพาะปลูกในสมัยแรกๆ คอการนำมันมาคั่วนั่นเอง ฝักป๊อปคอร์นที่เก่าแก่ที่สุด มีการค้นพบที่ถ้ำค้างคาว(Bat Cave) ณ เวสต์เซ็นทรัล มลรัฐ นิวเม็กซิโก ในปี พ.ศ. 2491 และ 2493 มีขนาดตั้งแต่เล็กกว่าเหรียญเพนนี ไปจนถึงขนาดสองนิ้ว ฝักอายุมากที่สุดมีอายุถึง 4000 ปี โดยประมาณ
ป๊อปคอร์นเป็นส่วนประกอบสำคัญของพิธีต่างๆของชาวอินเดียนเผ่าแอสเท็กในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 เบอร์นาดิโน เดอ ซาฮากัน(Bernardino de Sahagun) ได้บันทึกไว้ว่า “แลเมื่อหญิงสาวจำนวนมากมายเต้นรำ อย่างเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญา งานเต้นรำป๊อปคอร์น มาลัยของพวกเธออันหนาเท่ากับข้าวโพด และพวกเขาสวมพวงมาลัยเหล่านี้เอาไว้บนศีรษะของพวกเธอ”
ในปี พ.ศ. 2062 คอร์เตซแลเห็นป๊อปคอร์นเป็นครั้งแรก เมื่อเขารุกรานเม็กซิโก และได้พบกับพวกแอสเท็ก ป๊อปคอร์นเป็นอาหารที่มีคามสำคัญต่ออินเดียนเผ่าแอสเท็ก ผู้ซึ่งใช้ป๊อปคอร์นเป็นเครื่องประดับประดามงกุฎที่ใช้ในงานพิธีต่างๆ สร้อยคอ และเครื่องประดับบนรูปปั้นของเทพเจ้าของพวกเขาด้วย รวมถึง ทลาล็อค(Tlaloc) เทพแห่งฝนและความอุดมสมบูรณ์
ข้อความที่บันทึกเอาไว้ในตอนแรกๆของพวกสเปนเกี่ยวกับพิธีบูชาเทพเจ้าต่างๆของแอสเท็ก ซึ่งคอยปกปักษ์ชาวประมง อ่านได้ใจความว่า: “พวกเขานั่งกระจายกันอยู่ตรงหน้าเขาผู้ซึ่งคั่วข้าวโพด ซึ่งมีชื่อเรียกว่า โมโมชิทล์(momochitl) ซึ่งเป็นข้าวโพดที่แตกฟูได้เมื่อคั่ว และเผยให้เห็นถึงเนื้อใน และทำให้ตัวมันดูเหมือนดอกไม้ที่ขาวมาก เขากล่าวกันว่านี่เป็นลูกเห็บที่ไว้บูชาเทพแห่งวารี”
บันทึกของอินเดียนในประเทศเปรูในราวปี พ.ศ. 2193 Spaniard Cobo กล่าวว่า “พวกเขาปิ้งข้าวโพดชนิดหนึ่งจนกระทั่งมันระเบิดออก พวกเขาเรียกมันว่า pisancalla และพวกเขาใช้มันเป็นขนม”
การใช้คันไถกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปในช่วงกลางทศวรรษที่ 1800s และนำไปสู่การปลูกข้าวโพดกันอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา
ประวัติของป๊อปคอร์นในช่วงไม่นานมานี้ ป๊อปคอร์นนั้นมีความนิยมอย่างแพร่หลายจากยุค ค.ศ. 1890s จนกระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ พ่อค้าเร่ตามถนนเคยเดินตามฝูงชนแล้วเข็นรถคั่วข้าวโพดที่อาศัยไอน้ำหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิงไปตามงานแสดง สวนสาธารณะ และงานแสดงสินค้า
ในช่วงระหว่างเศรษฐกิจถดถอย ป๊อปคอร์นถุงละ 5 หรือ 10 เซนต์ เป็นหนึ่งในความฟุ่มเฟือยจำนวนน้อยที่ครอบครัวที่ตกต่ำและถังแตกจะซื้อหาได้ ในขณะที่ธุรกิจอื่นล้มเหลว แต่ธุรกิจป๊อปคอร์นยังยืนหยัด นายธนาคารชาวโอกลาโฮมาผู้สิ้นเนื้อประดาตัวเมื่อธนาคารของเขาล้ม ได้ซื้อเครื่องทำป๊อปคอร์นและเริ่มธุรกิจในร้านเล็กๆใกล้โรงภาพยนตร์ หลังจากสองสามปีผ่านไป ธุรกิจป๊อปคอร์นของเขาได้ทำเงินมากพอที่เขาจะซื้อฟาร์มกลับมาได้ถึงสามแห่ง จากบรรดาฟาร์มที่เขาต้องสูญเสียไป
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง น้ำตาลถูกส่งข้ามทะเลไปให้กำลังทหารสหรัฐ ซึ่งหมายถึงไม่มีน้ำตาลเหลืออยู่มากนักในสหรัฐในการเอามาทำลูกกวาด ต้องขอขอบคุณสถานการณ์ไม่ปกตินี้ ที่ทำให้ชาวอเมริกันบริโภคป๊อปคอร์นสามเท่าของปกติ
ป๊อปคอร์นระบาดเข้าไปในสลัมในช่วงต้นของทศวรรษ 1950 เมื่อโทรทัศน์ได้รับความนิยม คนที่เข้าโรงภาพยนตร์ก็ลดลง และยอดขายป๊อปคอร์นก็ตกลงตามไปด้วย เมื่อสาธารณชนเริ่มบริโภคป๊อปคอร์นกันที่บ้าน ความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างโทรทัศน์และป๊อปคอร์น ได้นำไปสู่ความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
ไมโครเวฟป๊อปคอร์น – มีการใช้ไมโครเวฟให้ความร้อนเป็นครั้งแรกในทศวรรษ1940s – ได้ทำให้เกิดผลพวงคือยอดขายป๊อปคอร์นต่อปี 240 ล้านดอลลาร์ในทศวรรษ 1990
ชาวอเมริกันในวันนี้บริโภคป๊อปคอร์น 17 พันล้านควอทช์ในแต่ละปี ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยบริโภคประมาณ 54 ควอทช์
ประวัติเครื่องคั่วป๊อปคอร์น วิธีแต่โบราณวิธีหนึ่งในการคั่ข้าวโพด คือการให้ความร้อนแก่ทรายด้วยกองไฟ แล้วกวนเมล็ดป๊อปคอร์นเข้าไปผสมเมื่อทรายถูกทำให้ร้อนอย่างเต็มที่
เมื่อทำการสำรวจประเทศปารากวัยในระกว่างคริสต์ศตวรรษที่ 18 เฟลิกซ์ เดอ อซารา (Felix de Azara) ได้บอกกล่าวถึงป๊อปคอร์นชนิดหนึ่งที่มีเมล็ดที่ “เมื่อต้มในไขมันหรือน้ำมัน เมล็ของมันจะแตกออกมาโดยไม่หลุด และผลที่ได้คือช่อดอกที่สวยงามที่สุดที่เหมาะสมจะแต่งผมสตรีในเวลากลางคืนโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่ามันคืออะไร ผมได้กินเมล็ดที่แตกออกนี้บ่อยๆ และพบว่ามันมีรสดีมาก
ชาร์ลส์ ครีเตอร์(Charles Cretors) ผู้ก่อตั้งบริษัท C. Cretors and Company ในเมืองชิคาโก ได้แนะนำเครื่องคั่วข้าวโพดเคลื่อนที่ได้ ชนิดแรกของโลกในงาน World’s Columbian Exposition ในเมืองชิคาโก ในปี พ.ศ. 2439 นิตยสาร Scientific American ได้รายงานว่า “เจ้าเครื่องนี้…ได้รับการออดกแบบโดยมีไอเดียที่จะเคลื่อนที่มันไปรอบๆไปยังสถานที่ใดๆที่ที่คนขายจะมีโอกาสทำธุรกิจประสบความสำเร็จ อุปกรณ์ที่เบาและแข็งแรงนี้มีน้ำหนักเพียง 400 หรือ 500 ปอนด์ สามารถถูกลากไปได้ด้วยแรงของเด็กผู้ชายหรือม้าตัวเล็กๆไปยังพื้นที่ปิกนิก งาน สถานีที่หาเสียง ใดๆ ฯลฯ และไปยังสถานที่อื่นๆอีกมากมายที่ซึ่งจะทำธุรกิจดีๆได้ในเวลาเพียงแค่วันหรือสองวัน ”
เพอร์ซี สเปนเซอร์(Percy Spencer) แห่งบริษัท Raytheon Manufacturing Corporation ได้พบวิธีที่จะผลิตแมกนีตรอนเป็นจำนวนมาก ซึ่งใช้ในการสร้างคลื่นไมโครเวฟสำหรับใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อมองถึงการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีของบริษัทในยุคหลังสงคราม สเปนเซอร์จึงได้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเตาไมโครเวฟขึ้น ป๊อปคอร์นนั้นเป็นกุญแจสำคัญให้กับการทดลองหลายๆอันของสเปนเซอร์
|